แต่ละคนมีกิจกรรมในวันหยุดที่แตกต่าง แต่ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใดก็เพียงเพื่อให้เกิดความรู้สึกพึงพอใจ และมีความผ่อนคลาย วันนี้เป็นครั้งแรกของการไปเรียนสมาธิของลูกสาวที่เค้าแสดงความรู้สึกไม่อยากไป เพราะสภาพร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการมีกิกรรมกีฬาสีที่โรงเรียนเมื่อวาน อีกทั้งเพือนสนิทที่เรียนสมาธิด้วยกันก็ขอคุณแม่เค้าหยุดพักด้วยเหตุผลเดียวกัน แต่ผู้เขียนได้ขอร้องแกมบังคับเค้าว่าอย่าหยุดเลย วันนี้ที่หนูจะไปเรียนก็เพียงครึ่งวัน ส่วนช่วงครึ่งวันบ่ายหนูก็จะได้ไปดูละครเวที่ " กุหลาบสีเลือด " ที่หนูอยากดู การไปเรียนสมาธิมีประโยขน์กับหนูมากในอนาคต ส่วนการชมละครก็ได้ความพึงพอใจ ต้วผู้เขียนเองในฐานะแม่ย่อมอยากให้ในสิ่งที่ดีและเป็นความสุขของลูกเสมอ ซึ่งการไปดูละครผู้เขียนก็สนใจแต่เนื่องด้วยมีบัตรเพียง 2 ใบ จึงอยากมอบความสุขความพอใจใ้ห้เค้ากับพี่ชายมากกว่า เพราะตัวผู้เขียนเองได้รับความสุขความพึงพอใจมามากแล้วสำหรับอายุในวัยนี้ การได้เห็นลูกๆมีความสุขก็พอใจแล้ว และอยากให้โอกาสเค้าได้เรียนรู้ประสพการณ์หลากหลายด้วยตัวเค้าเองเช่นที่ผู้เขียนได้รับมาแล้ว ส่วนตัวผูเขียนอยากอยู่บ้าน ดูหนัง ดูสารคดี แล้วก็เขียนบันทึกเรื่องต่างๆผ่านบล็อก ซึ่งเรื่องที่นำมาเขียนส่วนมากก็คือเรื่องใกล้ตัวที่ผู้เขียนสนใจ หรือเกิดกับผู้เขียนเอง และผู้เขียนเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านในด้านสาระและความบันเทิง จึงนำมาเขียนถ่ายทอดอีกที ส่วนตัวผู้เขียนเองก็ได้ความรู้จากสิ่งที่ผู้เขียนสนใจและไปค้นคว้าเพิ่มเติมมาด้วย เรียกได้ว่าองค์ประกอบเหล่านี้ก็ช่วยให้เราพัฒนาสมองขึ้นมาด้วย แล้วยังนำพาความสุขใจมาให้เรา ที่เห็นลูกได้รับโอกาสที่จะพัฒนาชีวิตจากการเเรียนสมาธิ และได้มีโอกาสใช้ชีวิตกับสิ่งบันเทิงที่หลายๆคนในสังคมชื่นชอบ ก็ขอให้เค้าลองพิจารณา เค้าไม่ได้โต้ตอบแค่เห็นเค้าเช็ดน้ำตาแล้วกล่าวเพียงว่า หนูจะออกไปแล้ว ผู้เขียนเองไม่สบายใจเล็กน้อยที่เห็นน้ำตาลูก แต่มั่นใจว่าอยากให้สิ่งที่ดี และอยากให้เค้าเข้าใจการใช้กรอบชีวิตที่ถูกต้อง จึงบอกเค้าว่าไปเถอะ แม่เพื่อนเค้าออกมารอรับที่สถานีรถไฟฟ้าเพื่ิอรับไปวัดด้วยกันแล้ว ซึ่งแม่เพื่อนเค้าเองก็ยังอดกล่าวไม่ได้ว่าอยากให้น้องเมย์เข้มแ็ข็งอย่างลูกสาวผู้เขียนบ้าง ตัวผู้เเขียนเองเข้าใจอารมณ์ว่าเค้าเองก็เพิ่ง 14 เท่านั้น และ หลักสูตรนี้เป็นของรุ่นอายุ 20 ปีขึ้น ก็มีเพียงเค้า 2 คน กับแม่เพื่อนอีก 3 คน กับผู้ใหญ่และผู้ใหญ่ จึงคงไม่สนุกนักกับสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยพร้อมนักในวันนี้ แต่เห็นว่าถ้าพร้อมออกไปดูละครเวที ก็น่าจะเพียงพอต่อการเรียนสมาธิเพียง 2-3 ชั่วโมงในช่วงเช้า แล้วพอใกล้เที่ยงเค้าก็โทรมาบอกเรียนเสร็จแล้ว ก็เลยบอกให้เค้าลง BTS สถานีที่ใกล้กับสถานที่ ที่มีการแสดงเพื่อรอให้พี่ชายเค้าออกไป โดยไปนั่งทานอะไรแถว Terminal 21 ก่อน น้ำเสียงเค้าก็ดูมี่ความสุขดึ ผู้เขียนเองพอได้ฟังน้ำเสียงเค้าก็สุขใจเช่นกัน นี่แหละค่ะความสุขของแต่ละคน ก็แค่อยู่ที่ว่าเราตั้งระดับความพอใจของเราไว้ที่ไหน บางครั้งผู้เขียนมองคนในสังคมแล้วรู้สึกว่าเค้าไม่มีความสุข มิหนำซ้ำกลายเป็นทำร้ายตัวเองเพราะเค้าไปตั้งกรอบ หรือมาตรฐานแห่งความพอใจของเค้ามากหรือสูงเกินไป และวันนี้นำข้อคิดเล็กๆน้อยๆมาฝากหลายๆท่านที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยมีความสุขกับการทำงานมาฝากค่ะ เผื่อจะช่วบให้ท่านผู้อ่านมีมุมมองที่กว้างขึ้น และสร้างความสุขในการทํางานด้วยการบริหารตนเอง
เทคนิคการสร้างความสุขในการทํางานด้วยการบริหารตนเอง (Techniques for Improving Happiness in the Workplace)
คุณ
เคยถามตัวเองบ้างไหมว่า…คุณมีความสุขกับงานที่ทำอยู่หรือไม่?
คุณมีพฤติกรรมอย่างไรเมื่อคุณทำงานแล้วไม่สนุกกับสิ่งที่ทำ?
คุณรู้สึกหดหู่หรือเบื่อหน่ายเมื่อคุณกำลังก้าวเข้าออฟฟิตของคุณบ้างไหม?
คุณรู้สึกไหมว่าช่วงเวลาในการทำงานของคุณช้ามาก?
คุณเป็นคนที่ชอบหาโอกาสที่จะลางานอยู่เสมอหรือไม่?
ทั้งหมดนี้เป็นคำถามเพื่อให้คุณเริ่มสำรวจตัวคุณเองว่าคุณกำลังมีความสุขหรือ
ความทุกข์ในชีวิตการทำงานของคุณ
และคุณเองนั่นแหละที่จะบอกได้ว่าคุณกำลังมีความสุขและสนุกกับช่วงวันเวลาใน
การทำงานของคุณอยู่หรือไม่
++ทุกข์…สุข อยู่ที่ใจ….คงไม่มีใครที่จะทำให้คุณมีความสุขหรือความทุกข์ได้นอกจาก "จิตใจของคุณเอง" ซึ่งเป็นความคิด ความรู้สึกที่เกิดขึ้นต่อบุคคล สิ่งของ หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คุณเข้าไปสัมผัส ทั้งนี้โดยทั่วไปคุณจะปล่อยให้จิตเป็นนายคุณ …. นั่นแหละที่คุณจะปล่อยให้ความรู้สึกต่าง ๆ เข้ามามีผลทำให้คุณมีความสุขหรือความทุกข์ไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้างตัว คุณ
ดังนั้นการบริหารหรือควบคุมจิตจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสร้างความสุขและสนุกกับงานที่กำลังทำอยู่ ดังนั้นคุณควรฝึกอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้จิตเป็นนาย…กายเป็นบ่าว…...โดยมีเทคนิคและวิธีการง่าย ๆ ดังนี้
1. "อย่า" คิดเล็กคิดน้อย" กับเรื่องเล็กน้อย (Don't be petty Minded)
คุณ อย่าเก็บเอาเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมาคิดซะทุกเรื่อง พยายามอย่าเอาคำพูดหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันมาเป็นอารมณ์ ให้คิดเสียว่ามันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป.. หากคุณมัวแต่เอาเวลามาคิดว่า วันนี้นายมาต่อว่าคุณทำงานแย่มาก ลูกค้าบ่นว่าคุณพูดจาไม่สุภาพ เพื่อนร่วมงานชอบพูดจาเสียดสีคุณ…ย่อมแน่นอนว่าคุณจะไม่มีเวลาในการคิดพัฒนา งานของคุณเลย คุณควรจะ "คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก" โดยฝึกคิดแต่สิ่งที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับในหน้าที่ การงานจากสังคมหรือคนรอบข้างตัวคุณ ดังนั้นคุณควรใช้เวลาในแต่ละวันกับการคิดถึงเป้าหมายของคุณและ คุณจะทำอย่างไรเพื่อให้คุณเดินทางไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้จะดีกว่า และความคิดเหล่านี้เองมันจะส่งผลให้คุณมีความกระตือรือร้นในการทำงาน สนุกกับสิ่งที่คุณทำอยู่ตลอดเวลา
2. "อย่า" ต่อว่าองค์กร (Don't blame the company)
มีหลายต่อหลายคนที่มีความรู้สึกไม่รักในองค์กรที่กำลังทำงานอยู่ คุณไม่มีความรู้สึกผูกพันกับองค์กร และมีความรู้สึกว่า "ทนอยู่" เพื่อ รอรับเงินเดือนเมื่อครบสิ้นเดือนเท่านั้น คุณมักจะต่อว่าหรือพูดถึงองค์กรของคุณในทางที่ไม่ดี….ปรับเงินเดือนน้อย ให้โบนัสแค่นี้เอง บริษัทน่าจะมี…อย่างโน้น อย่างนี้…และอื่น ๆ อีกมากมาย…คุณอย่าลืมว่าคุณเองเลือกที่จะทำงานอยู่ในองค์กรแห่งนี้ซึ่งอาจ ถือได้ว่าเป็นบ้านที่สองของคุณ โดยคุณต้องใช้เวลาอยู่ในบ้างที่สองแห่งนี้อาจมากกว่าเวลาที่คุณอยู่ในบ้านของคุณเสียอีก และเพราะคุณเลือกที่จะทำงานในองค์กรนี้… แล้วทำไมคุณไม่เลือกที่จะรักในองค์กรที่คุณกำลังใช้ชีวิตร่วมด้วย คุณอย่าบอกว่าทนทำงานอยู่ในองค์กรนั้น ๆ เพราะว่าคุณไม่มีที่ไป ดังนั้นขอให้คุณย้อนคิดไปว่าไม่มีองค์กรไหนที่เห็นความสำคัญของตัวคุณ นอกจากองค์กรที่คุณกำลังทำงานอยู่ เพราะเค้ารับคุณและยอมให้คุณมาร่วมงานด้วยซึ่งเค้าเห็นศักยภาพและความสามารถ ของตัวคุณเอง….องค์กรของคุณให้โอกาสคุณ ซึ่งไม่เหมือนกับองค์กรอื่น ๆ ที่ปฏิเสธและไม่ยอมรับคุณ…คิดเพียงเท่านี้ คุณจะมีความรู้สึกดี ๆ กับองค์กรของคุณ อาจไม่ถึงขนาดว่าจะต้องรักหรือผูกพันก็ได้ (ไม่ห้ามกัน)…ซึ่งจะช่วยให้คุณมีความสุขในการทำงานให้กับองค์กรของคุณเอง
3. "อย่า" เลือกทำงานที่รัก (Love the work that you do and don't do only the work that you love)
หากคุณเป็นผู้หนึ่งที่ไม่สามารถเลือกทำงานที่ตนเองรักได้ ขอให้คุณเลือกที่จะรักงานที่คุณทำ และเพื่อให้คุณมีความสุขและรู้สึกสนุกกับงานที่คุณกำลังทำอยู่ ขอให้คุณพิจารณาในสิ่งต่อไปนี้
1. งานที่คุณกำลังทำคืออะไร
2. ประโยชน์อะไรที่คุณได้จากการทำงานนั้น ๆ
3. คุณมีวิธีในการพัฒนาปรับปรุงงานของคุณอย่างไร
4. คุณต้องปรับปรุงศักยภาพหรือความสามารถในด้านใดบ้าง
5. คุณจะหาวิธีการในการเรียนรู้งานใหม่ ๆ ได้อย่างไร
6. งานที่ทำอยู่มีอะไรบ้างที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์กับเป้าหมายของคุณในอนาคต
ขอให้คุณใช้เวลาในการคิดและหาคำตอบจากคำถามเหล่านี้ แล้วคุณจะพบ "คุณค่า (Value)" ที่ เกิดขึ้นในตัวคุณ ซึ่งคุณค่าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตัวคุณนี้เองจะทำให้คุณทำงานอย่างมีความสุข มีความตื่นตัวและกระตือรือร้นในการทำงานอยู่เสมอ มีความพร้อมที่จะพัฒนาตนเองและการทำงานให้ดีขึ้น และพร้อมที่จะเรียนรู้งานใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
4. "อย่า" ให้ร้ายหัวหน้างาน (Don't belittle your boss)
หัว หน้างานมีหลายประเภท หลากหลายรูปแบบ…หัวหน้าเจ้าอารมณ์…หัวหน้าสั่งอย่างเดียว หัวหน้าชอบคนประจบ…หัวหน้าที่วันวันทำแต่งาน….ซึ่งในชีวิตของการทำงานคุณคง จะเลือกทำงานกับหัวหน้างานในแบบฉบับที่คุณชอบไม่ได้อย่างแน่นอน คุณมักจะพบเจอกับหัวหน้างานหลากหลายประเภทที่อาจทำให้คุณกุมขมับอยู่ทุกวัน นั่นอาจเป็นเพราะคุณเข้ากับหัวหน้าของคุณไม่ได้ หรือคุณมีความรู้สึกว่าหัวหน้างานของคุณน่าจะทำอย่างโน้น อย่างนี้ (เค้าน่าจะสอนงานคุณ เค้าน่าจะทำงานและรู้งานมากกว่าคุณ เค้าควรจะช่วยแก้ปัญหาให้คุณ)…ไม่ควรทำอย่างโน้น อย่างนี้ (เค้าไม่ควรพูดแบบนี้..เค้าไม่ควรสั่งงานคุณอย่างนี้) มีหลากหลายประเภทที่คุณจะพบเจอในองค์กรของคุณเองซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยง ไม่ได้ แต่ทางที่ดีที่สุดก็คือคุณควรเข้าใจในเหตุผลของความคิดและการกระทำของหัว หน้างานของคุณเอง…คุณควรเคารพและให้เกียรติหัวหน้าคุณ คอยสนับสนุนและช่วยเหลือหัวหน้าคุณเท่าที่จะทำได้
5. "อย่า" ดูถูกเพื่อนร่วมงาน หรือคนรอบข้าง (Don't look down at your colleagues)
ไม่ มีใครที่จะประสบความสำเร็จในการทำงานโดยลำพัง แน่นอนว่าความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นจากความร่วมมือของบุคคลรอบข้างตัวคุณ ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือในด้านการให้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ การให้ความช่วยเหลือในด้านอื่น ๆ ซึ่งคุณควรมองคนที่คุณค่าของเค้า อย่าดูถูกความคิดหรือความสามารถของคนอื่น ทุกคนมีทักษะและความชำนาญในงานที่แตกต่างกัน คุณทำงานของคุณได้ แต่คุณอาจไม่สามารถทำงานของคนอื่นได้ เช่น คุณสามารถทำงานบัญชีได้ แต่คุณอาจไม่สามารถทำงานคอมพิวเตอร์ได้ เป็นต้น ดังนั้นคุณควรให้เกียรติเพื่อนร่วมงานหรือคนรอบข้างคุณที่คุณต้องประสานงาน หรือติดต่อด้วย พยายามอย่าเอาการศึกษามาวัดที่ค่าของคนหรือความสามารถของคน (มีปัจจัยอื่น ๆ ที่ใช้วัดความสามารถของคน นอกจากการศึกษา เช่น ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ (Emotional Quotient: EQ) ความสามารถในการปรับตัว (Adaptability)…ขอให้คุณศึกษาและปรับตัวให้เข้ากับคนได้ทุกประเภทและ ทุกระดับ
ดัง นั้นหากคุณมีความคิดที่ดี และการกระทำแต่สิ่งที่ดีต่อองค์กร หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน/คนรอบข้าง และตัวงานของคุณเอง…เพียงเท่านี้…คุณเองย่อมจะมีความสุขและสนุกกับชีวิตใน การทำงานของคุณ
*** ติดต่อผู้เขียนblog/สมัครสมาชิก Global Rich Club โทร 087-4949-220หรือmitang41@gmail.com***
written September 8,2012
++ทุกข์…สุข อยู่ที่ใจ….คงไม่มีใครที่จะทำให้คุณมีความสุขหรือความทุกข์ได้นอกจาก "จิตใจของคุณเอง" ซึ่งเป็นความคิด ความรู้สึกที่เกิดขึ้นต่อบุคคล สิ่งของ หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คุณเข้าไปสัมผัส ทั้งนี้โดยทั่วไปคุณจะปล่อยให้จิตเป็นนายคุณ …. นั่นแหละที่คุณจะปล่อยให้ความรู้สึกต่าง ๆ เข้ามามีผลทำให้คุณมีความสุขหรือความทุกข์ไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้างตัว คุณ
ดังนั้นการบริหารหรือควบคุมจิตจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสร้างความสุขและสนุกกับงานที่กำลังทำอยู่ ดังนั้นคุณควรฝึกอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้จิตเป็นนาย…กายเป็นบ่าว…...โดยมีเทคนิคและวิธีการง่าย ๆ ดังนี้
1. "อย่า" คิดเล็กคิดน้อย" กับเรื่องเล็กน้อย (Don't be petty Minded)
คุณ อย่าเก็บเอาเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมาคิดซะทุกเรื่อง พยายามอย่าเอาคำพูดหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันมาเป็นอารมณ์ ให้คิดเสียว่ามันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป.. หากคุณมัวแต่เอาเวลามาคิดว่า วันนี้นายมาต่อว่าคุณทำงานแย่มาก ลูกค้าบ่นว่าคุณพูดจาไม่สุภาพ เพื่อนร่วมงานชอบพูดจาเสียดสีคุณ…ย่อมแน่นอนว่าคุณจะไม่มีเวลาในการคิดพัฒนา งานของคุณเลย คุณควรจะ "คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก" โดยฝึกคิดแต่สิ่งที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับในหน้าที่ การงานจากสังคมหรือคนรอบข้างตัวคุณ ดังนั้นคุณควรใช้เวลาในแต่ละวันกับการคิดถึงเป้าหมายของคุณและ คุณจะทำอย่างไรเพื่อให้คุณเดินทางไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้จะดีกว่า และความคิดเหล่านี้เองมันจะส่งผลให้คุณมีความกระตือรือร้นในการทำงาน สนุกกับสิ่งที่คุณทำอยู่ตลอดเวลา
2. "อย่า" ต่อว่าองค์กร (Don't blame the company)
มีหลายต่อหลายคนที่มีความรู้สึกไม่รักในองค์กรที่กำลังทำงานอยู่ คุณไม่มีความรู้สึกผูกพันกับองค์กร และมีความรู้สึกว่า "ทนอยู่" เพื่อ รอรับเงินเดือนเมื่อครบสิ้นเดือนเท่านั้น คุณมักจะต่อว่าหรือพูดถึงองค์กรของคุณในทางที่ไม่ดี….ปรับเงินเดือนน้อย ให้โบนัสแค่นี้เอง บริษัทน่าจะมี…อย่างโน้น อย่างนี้…และอื่น ๆ อีกมากมาย…คุณอย่าลืมว่าคุณเองเลือกที่จะทำงานอยู่ในองค์กรแห่งนี้ซึ่งอาจ ถือได้ว่าเป็นบ้านที่สองของคุณ โดยคุณต้องใช้เวลาอยู่ในบ้างที่สองแห่งนี้อาจมากกว่าเวลาที่คุณอยู่ในบ้านของคุณเสียอีก และเพราะคุณเลือกที่จะทำงานในองค์กรนี้… แล้วทำไมคุณไม่เลือกที่จะรักในองค์กรที่คุณกำลังใช้ชีวิตร่วมด้วย คุณอย่าบอกว่าทนทำงานอยู่ในองค์กรนั้น ๆ เพราะว่าคุณไม่มีที่ไป ดังนั้นขอให้คุณย้อนคิดไปว่าไม่มีองค์กรไหนที่เห็นความสำคัญของตัวคุณ นอกจากองค์กรที่คุณกำลังทำงานอยู่ เพราะเค้ารับคุณและยอมให้คุณมาร่วมงานด้วยซึ่งเค้าเห็นศักยภาพและความสามารถ ของตัวคุณเอง….องค์กรของคุณให้โอกาสคุณ ซึ่งไม่เหมือนกับองค์กรอื่น ๆ ที่ปฏิเสธและไม่ยอมรับคุณ…คิดเพียงเท่านี้ คุณจะมีความรู้สึกดี ๆ กับองค์กรของคุณ อาจไม่ถึงขนาดว่าจะต้องรักหรือผูกพันก็ได้ (ไม่ห้ามกัน)…ซึ่งจะช่วยให้คุณมีความสุขในการทำงานให้กับองค์กรของคุณเอง
3. "อย่า" เลือกทำงานที่รัก (Love the work that you do and don't do only the work that you love)
หากคุณเป็นผู้หนึ่งที่ไม่สามารถเลือกทำงานที่ตนเองรักได้ ขอให้คุณเลือกที่จะรักงานที่คุณทำ และเพื่อให้คุณมีความสุขและรู้สึกสนุกกับงานที่คุณกำลังทำอยู่ ขอให้คุณพิจารณาในสิ่งต่อไปนี้
1. งานที่คุณกำลังทำคืออะไร
2. ประโยชน์อะไรที่คุณได้จากการทำงานนั้น ๆ
3. คุณมีวิธีในการพัฒนาปรับปรุงงานของคุณอย่างไร
4. คุณต้องปรับปรุงศักยภาพหรือความสามารถในด้านใดบ้าง
5. คุณจะหาวิธีการในการเรียนรู้งานใหม่ ๆ ได้อย่างไร
6. งานที่ทำอยู่มีอะไรบ้างที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์กับเป้าหมายของคุณในอนาคต
ขอให้คุณใช้เวลาในการคิดและหาคำตอบจากคำถามเหล่านี้ แล้วคุณจะพบ "คุณค่า (Value)" ที่ เกิดขึ้นในตัวคุณ ซึ่งคุณค่าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตัวคุณนี้เองจะทำให้คุณทำงานอย่างมีความสุข มีความตื่นตัวและกระตือรือร้นในการทำงานอยู่เสมอ มีความพร้อมที่จะพัฒนาตนเองและการทำงานให้ดีขึ้น และพร้อมที่จะเรียนรู้งานใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
4. "อย่า" ให้ร้ายหัวหน้างาน (Don't belittle your boss)
หัว หน้างานมีหลายประเภท หลากหลายรูปแบบ…หัวหน้าเจ้าอารมณ์…หัวหน้าสั่งอย่างเดียว หัวหน้าชอบคนประจบ…หัวหน้าที่วันวันทำแต่งาน….ซึ่งในชีวิตของการทำงานคุณคง จะเลือกทำงานกับหัวหน้างานในแบบฉบับที่คุณชอบไม่ได้อย่างแน่นอน คุณมักจะพบเจอกับหัวหน้างานหลากหลายประเภทที่อาจทำให้คุณกุมขมับอยู่ทุกวัน นั่นอาจเป็นเพราะคุณเข้ากับหัวหน้าของคุณไม่ได้ หรือคุณมีความรู้สึกว่าหัวหน้างานของคุณน่าจะทำอย่างโน้น อย่างนี้ (เค้าน่าจะสอนงานคุณ เค้าน่าจะทำงานและรู้งานมากกว่าคุณ เค้าควรจะช่วยแก้ปัญหาให้คุณ)…ไม่ควรทำอย่างโน้น อย่างนี้ (เค้าไม่ควรพูดแบบนี้..เค้าไม่ควรสั่งงานคุณอย่างนี้) มีหลากหลายประเภทที่คุณจะพบเจอในองค์กรของคุณเองซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยง ไม่ได้ แต่ทางที่ดีที่สุดก็คือคุณควรเข้าใจในเหตุผลของความคิดและการกระทำของหัว หน้างานของคุณเอง…คุณควรเคารพและให้เกียรติหัวหน้าคุณ คอยสนับสนุนและช่วยเหลือหัวหน้าคุณเท่าที่จะทำได้
5. "อย่า" ดูถูกเพื่อนร่วมงาน หรือคนรอบข้าง (Don't look down at your colleagues)
ไม่ มีใครที่จะประสบความสำเร็จในการทำงานโดยลำพัง แน่นอนว่าความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นจากความร่วมมือของบุคคลรอบข้างตัวคุณ ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือในด้านการให้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ การให้ความช่วยเหลือในด้านอื่น ๆ ซึ่งคุณควรมองคนที่คุณค่าของเค้า อย่าดูถูกความคิดหรือความสามารถของคนอื่น ทุกคนมีทักษะและความชำนาญในงานที่แตกต่างกัน คุณทำงานของคุณได้ แต่คุณอาจไม่สามารถทำงานของคนอื่นได้ เช่น คุณสามารถทำงานบัญชีได้ แต่คุณอาจไม่สามารถทำงานคอมพิวเตอร์ได้ เป็นต้น ดังนั้นคุณควรให้เกียรติเพื่อนร่วมงานหรือคนรอบข้างคุณที่คุณต้องประสานงาน หรือติดต่อด้วย พยายามอย่าเอาการศึกษามาวัดที่ค่าของคนหรือความสามารถของคน (มีปัจจัยอื่น ๆ ที่ใช้วัดความสามารถของคน นอกจากการศึกษา เช่น ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ (Emotional Quotient: EQ) ความสามารถในการปรับตัว (Adaptability)…ขอให้คุณศึกษาและปรับตัวให้เข้ากับคนได้ทุกประเภทและ ทุกระดับ
ดัง นั้นหากคุณมีความคิดที่ดี และการกระทำแต่สิ่งที่ดีต่อองค์กร หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน/คนรอบข้าง และตัวงานของคุณเอง…เพียงเท่านี้…คุณเองย่อมจะมีความสุขและสนุกกับชีวิตใน การทำงานของคุณ
*** ติดต่อผู้เขียนblog/สมัครสมาชิก Global Rich Club โทร 087-4949-220หรือmitang41@gmail.com***
written September 8,2012