วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

อินเดีย.(India) หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐอินเดีย (Republic of India)...

 ประเทศที่หลายๆคนในทวีปเอเชียโดยเฉพาะพุทธศาสนิกชนใฝ่ฝันที่จะเดินทางไปคือ ประเทศอินเดีย  ประเทศอินเดีย (India) หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐอินเดีย (Republic of India) ตั้งอยู่ในทวีปเอเชียใต้ เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของอนุทวีปอินเดีย มีประชากรมากเป็น อันดับที่สองของโลก และเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีประชากรมากที่สุดในโลก โดยมีกรุงนิวเดลี (New Delhi) เป็นเมืองหลวงของประเทศอินเดีย
     


แผนที่ประเทศอินเดียอินเดียเป็นประเทศที่เก่าแก่ยาวนาน ดังนั้น สภาพสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองในปัจจุบัน จึงเป็นการผสมผสานระหว่างของเก่าและใหม่

     อินเดียเป็นประเทศที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาฮินดู พุทธ และมุสลิม หลังจากได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1947 อินเดียได้ปกครองในระบอบประชาธิปไตยภายใต้โครงสร้างสาธารณรัฐ ปัจจุบันอินเดียมี 28 รัฐ และดินแดนกึ่งรัฐ 7 แห่ง ภาษาฮินดี และภาษาอังกฤษใช้กันแพร่หลายทั่วไปในอินเดีย

     ปัจจุบันอินเดียมีประชากรกว่าพันล้านคน โดยอาศัยในกรุงนิวเดลีประมาณกว่า 10 ล้านคน

     วิถีชีวิตคนอินเดีย

     ประชากรอินเดียนับถือศาสนาฮินดู ร้อยละ 82.41 อิสลามร้อยละ 11.67 ที่เหลือนับถือศาสนาอื่น ทั้งนี้เป็นการนับถือศาสนาพุทธร้อยละ 0.77

     วิถีชีวิตของคนส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลความเชื่อความศรัทธาจากศาสนาฮินดูเป็น ส่วนใหญ่ และประชากรที่มิได้นับถือศาสนาฮินดู ก็มีวิถีชีวิตภายใต้ศรัทธาของตนอย่างเคร่งครัด คนอินเดียค่อนข้างคบหาคนต่างชาติด้วยความระมัดระวังและมีความเป็นชาตินิยม สูง ปัจจุบันอินเดียมีประชากรมาก คนอินเดียจึงเป็นคนที่มีความพยายามสูง มีความอดทน ฉลาดในการต่อรองช่ำชองในธุรกิจการค้าขาย

     การติดต่อราชการกับอินเดีย

     สถานที่ราชการโดยทั่วไปเปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เริ่ม 10.00 จนถึง 17.00 น. เวลาพักอาหารกลางวัน ระหว่าง 13.00 - 14.00 น.

     1. การติดต่อราชการกับอินเดีย ผู้ติดต่อต้องเผื่อเวลาไว้ให้มาก และต้องเตรียมเอกสารและสำเนาให้พร้อม
     2. อินเดียยังมีวันหยุดราชการเนื่องในวันสำคัญทางศาสนามาก
     3. ข้าราชการอินเดียให้ความสำคัญอำนาจหน้าที่ของตนเองสูง และมักมีอำนาจในการใช้ดุลยพินิจอย่างกว้างขวาง การติดต่อราชการอินเดียต้องติดตามเรื่องทุกระยะและผู้ติดต่อต้องรับผิดชอบ เรื่องของตนเอง หากล่าช้าผิดปกติต้องรีบติดต่อขอพบเจ้าหน้าที่เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วง ที
     4. ควรหลีกเลี่ยงการติดต่อกับบุคคลที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ แต่อาสาช่วยเหลือเพราะอาจจะถูกหลอกได้ง่าย

     หน่วยงานที่ควรทราบ ผู้ที่เดินทางไปอินเดีย โดยเฉพาะกรุงนิวเดลี ควรจะทราบที่ตั้งของหน่วยงานที่ควบคุมดูแลคนต่างชาติเพราะต้องไปติดต่อ รายงานตัว ขอใบอนุญาตมีถิ่นที่อยู่ขอต่ออายุการตรวจลงตรา ฯลฯ

     สำนักงานทะเบียนคนต่างด้าว (Foreigner's Regional Registration Office (FRRO)) HANS BHAVAN, TILAKMARG (I.T.O.) NEW DELHI เวลาทำการ 09.30 - 16.00 น.

     กระทรวงมหาดไทย แผนกคนต่างด้าว (Foreigners Division, Ministry of Home Affairs) LOK NAYAK BHAVAN, KHAN MARKER, NEW DELHI เวลาทำการ 09.30 - 12.00 น.

     อากาศ อินเดียมี 3 ฤดูกาล
     1. ฤดูร้อน เมษายน - มิถุนายน อุณหภูมิสูงสุด ประมาณ 45 องศาเซลเซียส บริเวณกรุงนิวเดลี และเมืองใกล้เคียงจะมีฝุ่น จากทะเลทราย ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบหายใจ
     2. ฤดูมรสุม กรกฎาคม - ตุลาคม อุณหภูมิเฉลี่ย 33 องศาเซลเซียส
     3. ฤดูหนาว พฤศจิกายน - มีนาคม อุณหภูมิ 21 -30 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 7 องศาเซลเซียส

     ข้อควรระวัง
     1. ควรบริโภคอาหารและน้ำที่สะอาดเท่านั้น ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ โรคที่ควรระวัง คือ โรคท้องเสีย มาลาเรีย โรค Hepatitis A, B, C, D, (ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อทางอาหาร และน้ำดื่ม การถ่ายโลหิต การมีเพศสัมพันธ์ ฯลฯ) โรคไข้เลือดออก โรค HIV/DIDS (เอดส์) กามโรคชนิดต่าง ๆ

     2. ยาที่ควรนำติดตัว ได้แก่ ยาแก้ไข้ แก้ปวด ยาแก้ท้องเสีย ยาป้องกันไข้มาลาเรีย ยาแก้แพ้ ทาผิวหนัง ยาแก้พิษแมลงกัดต่อย ยารักษาโรคเฉพาะบุคคล ฯลฯ ซึ่งการนำยาติดตัวควรมีใบสั่งยาของแพทย์กำกับไว้ด้วย สำหรับยาสามัญประจำบ้านมีจำหน่ายทั่วไป

     การเข้าเมือง
     การตรวจลงตรา - ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยประเภทธรรมดาต้องขอรับการตรวจลงตราจากสถานเอกอัคร ราชทูตอินเดีย หรือสถานกงสุลใหญ่อินเดียประจำประเทศไทยสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและ ราชการ ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา หากพำนักอยู่ในประเทศอินเดียไม่เกิน 90 วัน

     เงินตราต่างประเทศ เครื่องประดับ อุปกรณ์ไฟฟ้า

     1.สามารถนำเงินตราต่างประเทศเข้าประเทศได้ครั้งละไม่เกิน 10,000 เหรียญสหรัฐ แต่จะต้องแสดงรายการต่อเจ้าหน้าที่ก่อนนำเข้า

     2.ห้ามการนำเข้าและส่งออกเงินรูปีอินเดีย

     3.เครื่องประดับประเภททองรูปพรรณ จะนำเข้าได้ไม่เกิน 5 กิโลกรัม และต้องแสดงรายการต่อเจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูป กล้องวีดีทัศน์ จะต้องแสดงรายการต่อเจ้าหน้าที่

     การแลกเปลี่ยน 1. ชาวต่างประเทศอาจเปิดบัญชีกับธนาคารต่างประเทศได้ และผู้เปิดบัญชีควรถือเงินสด หรือ Traveller's Cheque

     2. การเบิกถอนเงินตราต่างประเทศในรูปเงินสดจากบัญชีธนาคารจะจำกัดไว้ไม่เกิน 500 เหรียญสหรัฐต่อเดือนต่อคน หากเกินครั้งละ 500 เหรียญสหรัฐต้องแสดงหลักฐานการอนุญาตให้นำเงินจำนวนนั้นเข้าประเทศ

     3. การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินรูปีอินเดียโดยวิธีการอื่น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

     สกุลเงิน รูปีอินเดีย (INR)หน่วยย่อยของรูปีเรียก เปซ่า (Paise)อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 43.5 รูปี และ 1 รูปี เท่ากับ 0.9 บาท (2548) บัตรเครดิตที่สามารถใช้ได้ทั่วไปคือบัตร Visa American Express และ Mastercard


ทำความรู้จักประเทศอย่างเป็นทางการแล้ว ทีนี้มาทำความรู้จักใ้นเชิงท่องเที่ยวกับ้างนะคะ


ทัวร์อินเดีย 


นมัสการ / นมัสเต อินเดีย ดินแดนสาวสาหรี่ กรุยกราย ชา มาซ่าร่าที อันหอมกรุ่น หรือว่าชิมซาโมซ่า ร้อนๆๆ  พร้อมจารึกแสวงบุญ ไปในสถานที่ทั้งสี่ ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน 
ตลอดการเดินทางประเทศอินเดีย มีสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำดังนี้ค่ะ
- เส้นทางโรแมนติค เดลลี อัครา ชัยปุระ ต้นกำเนิดอนุสรณ์สถานแห่งความรัก ณ ทัชมาฮาล
- เส้นทางถ้ำออโรร่า อชันต้า มุมไบ ออรังคบาต งานพุทธศิลป์และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับ 8 ของโลก
-ตามเสน่ห์มนต์เพลงทะเลทรายแห่งราชาสถานหรือีกชื่อว่า สถานที่ของพระราชา
- ต้นกำเนิดวิหารกามสูตร ณ ขชูรโห
- แคชเมียร์ ศรีนาคา กุลมาร์ค โซนามาร์ค พาฮาลแกม สัมผัสหิมะ กับไอรักหวาน
-เส่นทางจารึกแสวงบุญ ณ สี่ังเวชนียสถาน


อินเดีย มนต์ขลังที่แฝงไว้ด้วยเสน่ห์

"อินเดีย" ดินแดนแห่งเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ทางด้านศาสนาของโลก ด้วยเหตุที่มีหลายๆ ศาสนาเกิดและเติบโตที่นี่ ไม่ว่าเป็น พราหมณ์ ฮินดู ซิกซ์ หรือแม้แต่ศาสนาพุทธที่ชาวไทยหลายๆ คนนับถือกัน ทำให้ "อินเดีย" เต็มไปด้วยเรื่องราวอันมีเสน่ห์มนต์ขลัง อีกทั้งวัฒนธรรม ประเพณี ที่หลากหลาย เป็นเอกลักษณ์ ซ่อนเร้นให้น่าค้นหามากมาย ที่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนต่างสัมผัสได้ถึงหลากหลายที่สุดในดินแดนแห่ง นี้ เช่น หนึ่งในที่สุดนั้น คือ อนุสรณ์สถาน หรือหลุมฝังศพที่สวยที่สุด อย่างทัชมาฮาลนั่นเอง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ "อินเดีย" จะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักเดินทางจากทั่วโลกสถาน ที่น่าสนใจและโดดเด่นใน"อินเดีย"ที่เป็นที่รู้จักกระจายมีอยู่มากมายตาม เมืองต่างๆ อาทิ เมือง อัครา (Agra), Bangalore, เจนไน (Chennai), ดาจิลลิง (Darjeeling), เดลี (Delhi) , กัว (Goa) , ไฮเดอราบาด (Hyderabad) , เกรละ(Kerala) , โคซิ (Kochi) , Manali, มุมไบ (Mumbai), อาห์มาดาบัด (Ahmedabad), Naรnital, ปัฏนาPune, ซิมลา (Simla) เป็นต้น



409650_416793898362820_1827870453_n.jpg (960ื718)
ป้อมแดงอัครา Agra Fort

ซึ่งแต่ละเมืองก็ล้วนเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และมีเอกลักษณ์เรื่องราวโดดเด่นแตกต่างกันออก
และ สิ่งที่พิเศษแตกต่างของ "อินเดีย" ก็คือ "อินเดีย" เป็นประเทศที่มีความหลากหลายหลายชนชั้นทั้งด้านวัฒนธรรมและศาสนามากมายแห่ง หนึ่งของโลก อีกทั้งประชาชนของที่นี้ดำรงอยู่ภายใต้กรอบความเชื่อและศรัทธา อย่างเคร่งขัด ทำให้ที่อินเดียนั้น มีศาสนาสถานอันศักดิ์สิทธิ์มากมายที่สามารถเดินทางมาสักการะ และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี
ส่วนสถานที่โดด เด่นและเป็นที่รู้จัก อย่างเช่น ถ้าในโซนทางตอนเหนือของอินเดียก็จะมี  

ซิมลา (shimla), จามมู (jammu) ดาลัก และ ศรีนาคา ที่ แคชเมียร์ (Kashmir) ซึ่งได้สมญาณามว่าเป็นสวรรค์บนดิน Deharadun, Haridawar, rishikesh 



Saif Ul Malook Lake , Kashmir
และ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแล้วได้รับความนิยมที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ทัชมาฮาล อนุสรณ์สถานแห่งความรัก สุสานฝังศพของ มุมทัชมาฮาล ราชินีผู้เป็นที่รักยิ่งของพระเจ้าชาห์เยฮัน ที่ต้องสิ้นพระชนม์เพราะคลอดโอรสองค์ที่ 15 เป็นสุสานหินอ่อนขนาดใหญ่ที่สวยงามสมบูรณ์ริมแม่น้ำยมนา เมืองอัครา โดยสถาปนิก อุสตาด ไอสา(Ustad Isa)  ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่นักท่องเที่ยวไม่ว่าใครได้มาเยือนอินเดีย ไม่ควรพลาดที่จะมาชมทัชมาฮาลแห่งนี้

อย่างไรถ้าคนไทยจะไปเที่ยวที่ ทัชมาฮาลหรือหลายๆ สถานที่ อย่าลืมใช้สิทธิ์ ความเป็นคนไทยในการเสียราคาค่าธรรมเนียมเข้าชมแบบไทยๆ ด้วยสิทธิ์ BIMSTEC นโยบายการร่วมมือกันเพื่อการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งจะทำให้คนไทยเข้าชมแหล่งท่องเที่ยวในอินเดียได้ประหยัดได้กว่านักท่อง เที่ยวชาติอื่นๆ ด้วยอัตราค่าธรรมเนียมเท่าคนท้องถิ่น



523965_416804371695106_2139755182_n.jpg (960ื720)
ทัชมาฮาล Taj Mahal
ศาสน สถานที่สำคัญได้แก่ พุทธคยา (วัดมหาโพธิ์)Bodh Gaya , ถ้ำเอลโลราEldora, ถ้ำอจันตา Ajanta , Goa , Golden Temple , อนุสรณ์สถานแห่งฮามปิ Hampi , Khajuraho, Konark , Lake Palace , Meenakshi Temple.


394598_416787971696746_1139827860_n.jpg (960ื720)
พุทธคยา Bodh Gaya , วัดศรีมหาโพธิ์ ที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

409646_416847581690785_1143347705_n.jpg (960×642)
จาล มาฮาล The Jal Mahal or พระราชวังแห่งสายน้ำ Water Palace
ฮา วา มาฮาล Hawa Mahal หรือ Palace of Winds ในรัฐ Rajasthan state city เมืองชัยปุระ Jaipur หรือที่ชาวเมืองชัยปุระ เรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า เมืองชมพู Pink city ก็ถือเป็นอนุสรณ์สถานที่สวยงามและ unseen อีกแห่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือน ชัยปุระ


Pink-city-Jaipur-53.jpg (600×400)

ชัยปุระ Jaipur


Hawa Mahal หรือ Palace of Winds

วัด ลักษมัณ Lakshmana Temple ในกลุ่มอนุสรณ์สถานแห่งเมืองขชุราโห Khajuraho สถานที่กำเนิดของกามมสูตร  เมืองมรดกโลกที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยงานสถาปัตยกรรมและประติมากรรมด้วยรอบ ตามแบบของศาสนาฮินดูและเชน และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นต้นเกิดแห่งคัมภีร์กาม สูตร Kamasutra หรือ วาตสยายน กามสูตรอันโด่งดัง วาตสยะยานะ เชื่อกันว่าเป็นชื่อของนักปราชญ์ผู้เขียนคัมภีร์นี้ขึ้น ลองสักเกตได้จากภาพ รูปปั้นด้านล่างนะคะ (แต่คัมภีร์กามสูตร เป็นคนละคำกับ กาลามสูตร Kalama Sutta วิธีปฏิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย ในคำสอนของพระพุทธเจ้านะคะ)

555644_416787348363475_37192669_n.jpg (960ื720)
Khajuraho

428931_416787545030122_1651991341_n.jpg (960×719)
Erotic Sculptures
 
นอก จาก อินเดีย จะเป็นเมืองที่มีสถานที่สำคัญน่าเที่ยวมากมายแล้ว อินเดีย ยังมีเทศกาลและประเพณีที่ทั้งมีความขลัง และความงดงาม ด้วยการตกแต่งประดับประดา เสื้อผ้าแต่งกาย และท่าร่ายรำ ที่น่าสนใจอีกด้วย อาทิเช่น

เทศกาลวันโฮลี Holi ที่จะเปลี่ยนให้เมืองทั้งเมืองเต็มไปด้วยสีสัน,

เทศกาล ทุร คาปูชา Durga Puja เทศกาลที่ชาวอินเดียเฝ้ารอคอยอย่างตื่นตาตื่นใจในการแสดงฝีมือจัดตกแต่ง ประดับประดาซุ้มบูชาพระแม่ทุรคา ด้วยเครื่องประดับท้องถิ่นต่างๆ โดยพระแม่ทุรคา เป็นสตรีผู้มีแขน 10 ข้าง ด้วยแต่ละข้างจะถืออาวุธ และวัตถุมงคล อาทิ ดาบ หอกหลาว กงจักร ลูกประคำ โล่ ลูกศร ระฆัง หอยสังข์ เป็นต้น ซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นที่สุดหาบุคคลใดสามารถเปรียบได้ อีกทั้ง พระ นางยังเป็นพระมเหสีปางหนึ่ง (ทรงสิงโต)ขององค์เทพพระศิวะ ที่หลายๆ คนนับอีกทั้งพระนางยังเป็นพระมารดาของบุตร-ธิดา องค์เทพผู้โด่งดัง รวม 4 องค์ คือ พระพิฆเนศ, พระนางลักษมี, พระนางสรัสวดี และ พระกิรติ (พระกักติ) อีกด้วย ซึ่ง ชาวอินเดีย จึงมีความเชื่อกันว่า การบูชาพระแม่ทุรคา จะนำมาซึ่งความสำเร็จ อำนาจ และความแข็งแรง  ดังนั้น เมื่อถึงวันเฉลิมฉลองบูชา ชาวอินเดียจึงต่างแสดงฝีมือกันออกมาอย่างเต็มที่




ทุรคาปูชา Durga Puja : เทศกาลบูชาพระแม่ทุรคา สตรีผู้มีสิบมือ

เทศ กาลนวราตรี Navarathri : เทศกาลบูชาพระแม่ทุรคา หรือศักติ และการเต้นรำ  นว (Nava)+ ราตรี(rathri) แปลตามตัวว่า เป็นเทศกาลร่ายรำบูชาต่อเนื่องกัน 9 คืน
 




นวราตรี Navrathri, 9 Nights
 
เทศกาล ของดุชเชห์ร่า Dussehra เทศกาลหนึ่งที่เฉลิมฉลองกันทั่วอินเดีย หลังจากนวราตรีผ่านไปแล้ว 9 วัน ในวันที่ 10 แห่งเดือนอัศวิน (Ashwin)

เทศกาล ดีวาลี Diwali เทศกาลแห่งชัยชนะแสงสว่างแห่งความมืดมน สัญลักษณ์แห่งความดีชนะความชั่วร้ายทั้งปวง ซึ่งถือเป็นประเพณีที่คึกคักและสำคัญมากสำหรับชาวฮินดู ประเพณีแม้ชาวอินเดียจะตระเตรียมงานคึกครื้นกันตลอดสัปดาห์ก่อนวันงานและพอ ถึงวันงานซึ่งเป็นวันฉลองใหญ่ เพียงวันเดียวในหนึ่งปี  ชาวอินเดียจะลุกขึ้นมาจุดพุจุดประทัดกันตั้งแต่ตี 4 จนค่ำ ในเทศกาลนี้แม้จะเป็นประเพณีของชาวฮินดู แต่ชาวอินเดียที่นับอื่นศาสนาอื่นก็ออกมาร่วมเฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสนานด้วย เช่นกัน



สำหรับ วันนี้ขอนำข้อมูลของประเทศอินเดียมาเสนอส่วน หนึ่งก่อนนะคะ  ยังมีสถานที่ี่ ที่น่าสนใจจะนำมาเป็นข้อมูลผู้อ่านอกหลายแห่ง รวมทั้งรายละเอียดโรงแรมที่สมาชิกโกลบอล ริชคลับ สามารถใช้สิทธิ์
3 คืน 4 วัน  ที่ประเทศนี้ด้วย   ค่ะผู้เขียนจะนำรายละเอียดมา่ฝากใน วัน 2วันนี้ แน่นอนค่ะ


*** ติดต่ิอผู้เขียนblog/สมัครสมาชิก Global Rich Club โทร 087-4949-220หรือmitang41@gmail.com***

written September 30,2012  








วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

กฏ 20 ข้อแห่งความสำเร็จ



 
       คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวข้างต้นมั้ย    ส่วนตัวผู้เขียนค่อนข้างคล้อยตามคำกล่าวนี้  เพราะเคยทั้งประสพมากับตัวเองและคนรอบข้างในบางโอกาส   แต่หมายความว่าเขาเหล่านั้นอย่างน้อยจะต้องมีความรับผิดชอบพอสมควรในสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ไปดำเนินการ    เพราะคนเหล่านี้ถึงเขาจะโง่ ขี้เกียจ ห่วยแตก  แต่ก็จะพยายามหาวิธีง่ายที่สุดเพื่อให้ได้ผลสัมฤทธิ์ในสิ่งที่ได้รับมอบหมายมา   มีปัจจัยอีกอย่างที่จะสนับสนุนคนขึ้เกียจเหล่านี้คือ   เค้ามักจะพยายามมากกว่าคนอื่นๆเพื่อหาวิธีง่ายที่สุดที่เค้าจะประสพความสำเร็จ 


 


 ผู้เขียนเชื่อในความพยายาม ในการทำงานหนัก   ทำให้มากกว่าคนอื่นๆเสมอ   ดังนั้นถ้าอยากสำเร็จ เราก็ต้องพยายาม ต้องไม่ยอมแพ้    เพราะไม่ว่าจะทำอะไร อุปสรรค์และปัญหา มันย่อมมีเสมอ ถ้าถอดใจ ถ้าเราไม่คิดจะลุกขึ้นสู้ เราก็จะกลายเป็นไอ้ห่วย     แบบที่ตัวเราคิดตลอดไป เมื่อ เรายังมองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง แล้วใครจะมาเห็นคุณค่าของตัวเรา     ลองเปลี่ยนความคิดใหม่ ลบคำว่าทำไม่ได้ออกจากใจก่อน พยายามทำให้เต็มที่ เต็มความสามารถ    เรียนรู้จากความผิดพลาดต่างๆที่เกิด ผู้เขียนเชื่อว่าถ้าเราตั้งใจ สักวันก็จะเป็นวันของเราค่ะ บางคนคิดว่า "ตัวเองโง่และห่วยเกินไปที่จะประสบความสำเร็จ" เลยขอยกเอาข้อความเหล่านี้มาให้กำลังใจ    ส่วนตัวผู้เขียนไม่เคยเชื่อว่าความโง่ ความห่วย เป็นสิ่งที่ติดตัวเราหรือเป็นคำสาปที่  คนใดคนหนึ่งต้องเผชิญ ตลอดไป เราเลือกที่จะเป็น เลือกที่จะประสพความสำเร็จได้เสมอถ้าใจเราต้องการ



*** ติดต่ิอผู้เขียนblog/สมัครสมาชิก Global Rich Club โทร 087-4949-220หรือmitang41@gmail.com***

written September 23,2012  
 



วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

อินเตอร์เน็ต กับชีวิตประจำวัน

อินเทอร์เน็ต




อินเทอร์เน็ต (อังกฤษ: Internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาด ใหญ่ ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลายๆ เครือข่ายทั่วโลก โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (Protocol) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลายๆ ทาง อาทิเช่น อีเมล เว็บบอร์ด และสามารถสืบค้นข้อมูลและข่าวสารต่างๆ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้

ที่มา

email 300x225 Emailอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) จากการเกิดเครือข่าย ARPANET (Advanced Research Projects Agency NETwork) ซึ่งเป็นเครือข่ายสำนักงานโครงการวิจัยชั้นสูงของกระทรวงกลาโหม ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีวัตถุประสงค์หลักของการสร้างเครือข่ายคือ เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่อ และมีปฏิสัมพันธ์กันได้ เครือข่าย ARPANET ถือเป็นเครือข่ายเริ่มแรก ซึ่งต่อมาได้ถูกพัฒนาให้เป็นเครือข่าย อินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน

 

  

จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก


ปัจจุบัน จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกโดยประมาณ 2.095 พันล้านคน หรือ 30.2 % ของประชากรทั่วโลก (ข้อมูล ณ เดือน มีนาคม 2554) โดยเมื่อเปรียบเทียบในทวีปต่างๆ พบว่าทวีปที่มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดคือ เอเชีย โดยคิดเป็น 44.0 % ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมด และประเทศที่มีประชากรผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดคือประเทศจีน คิดเป็นจำนวน 384 ล้านคน
หากเปรียบเทียบจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกับจำนวนประชากรรวม พบว่าทวีปอเมริกาเหนือมีสัดส่วนผู้ใช้ต่อประชากรสูงที่สุดคือ 78.3 % รองลงมาได้แก่ ทวีปออสเตรเลีย 60.1 % และ ทวีปยุโรป คิดเป็น 58.3 % ตามลำดับ

อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย

อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยการเชื่อมต่อมินิคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ไปยังมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย แต่ในครั้งนั้นยังเป็นการ เชื่อมต่อโดยผ่านสายโทรศัพท์ ซึ่งสามารถส่งข้อมูลได้ช้าและไม่เป็นการถาวร จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2535 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ได้ทำการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับมหาวิทยาลัย 6 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(NECTEC), มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้าด้วยกันเรียกว่า "เครือข่ายไทยสาร"
การให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยได้เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ เดือน มีนาคม พ.ศ. 2538 โดยความร่วมมือของรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และสำนักงานส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยให้บริการในนาม บริษัท อินเทอร์เน็ต ประเทศไทย (Internet Thailand) เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์รายแรกของประเทศไทย 

   ปัจจุบันอินเทอร์เน็ต มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเรา หลายๆ ด้าน ทั้งการศึกษา พาณิชย์ ธุรกรรม วรรณกรรม และอื่นๆ ดังนี้


ด้านการศึกษา
          - สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่นๆ ที่น่าสนใจ
          - ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
          - นักศึกษาในมหาวิทยาลัย สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็น ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นต้น

ด้านธุรกิจและการพาณิชย์
          - ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
          - สามารถซื้อขายสินค้า ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
          - ผู้ใช้ที่เป็นบริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ และสนับสนุนลูกค้าของตน ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นต้น

ด้านการบันเทิง
          - การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า Magazine o­nline รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆ โดยมีภาพประกอบ ที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสาร ตามร้านหนังสือทั่วๆ ไป
          - สามารถฟังวิทยุผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
          - สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ใหม่ และเก่า มาดูได้ 


  จากเหตุผลดังกล่าว พอจะสรุปได้ว่า อินเทอร์เน็ต มีความสำคัญ ในรูปแบบ ดังนี้
      
          1. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic mail=E-mail) เป็นการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยผู้ส่งจะต้อง ส่งข้อความไปยังที่อยู่ของผู้รับ และแนบไฟล์ไปได้
          2. เทลเน็ต (Telnet) การใช้งานคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ไกล ๆ ได้ด้วยตนเอง เช่น สามารถเรียกข้อมูลจากโรงเรียนมาทำที่บ้านได้
          3. การโอนถ่ายข้อมูล (File Transfer Protocol ) ค้นหาและเรียกข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาเก็บไว้ในเครื่องของเราได้ ทั้งข้อมูลประเภทตัวหนังสือ รูปภาพและเสียง
          4. การสืบค้นข้อมูล (Gopher,Archie,World wide Web) การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการค้นหาข่าวสารที่มีอยู่มากมาย ใช้สืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั่วโลกได้
          5. การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็น (Usenet) เป็นการบริการแลกเปลี่ยนข่าวสารและแสดงความคิดเห็นที่ผู้ใช้บริการอินเทอร์ เน็ตทั่วโลก แสดงความคิดเห็นของตน โดยกลุ่มข่าวหรือนิวกรุ๊ป(Newgroup)แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
          6. การสื่อสารด้วยข้อความ (Chat,IRC-Internet Relay chat) เป็นการพูดคุย โดยพิมพ์ข้อความตอบกัน ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารที่ได้รับความนิยมมากอีกวิธีหนึ่ง การสนทนากันผ่านอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนเรานั่งอยู่ในห้องสนทนาเดียวกัน แม้จะอยู่คนละประเทศหรือคนละซีกโลกก็ตาม
          7. การซื้อขายสินค้าและบริการ (E-Commerce = Electronic Commerce) เป็นการซื้อ - สินค้าและบริการ ผ่านอินเทอร์เน็ต
          8. การให้ความบันเทิง (Entertain) บนอินเทอร์เน็ตมีบริการด้านความบันเทิงหลายรูปแบบต่างๆ เช่น รายการโทรทัศน์ เกม เพลง รายการวิทยุ เป็นต้น เราสามารถเลือกใช้บริการเพื่อความบันเทิงได้ตลอด 24 ชั่วโมง

          
          โดยสรุปอินเทอร์เน็ต ได้นำมาใช้เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับงานไอที ทำให้เกิดช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็ว ช่วยในการตัดสินใจ และบริหารงานทั้งระดับบุคคลและองค์กร


         การสร้างรายได้บนอินเตอร์เน็ตนั้นกำลังได้รับความสนใจมากในปัจจุบันเนื่อง จากเทคโนโลยี Broadband ที่พัฒนาสูงขึ้นในประเทศไทย ทำให้การโฆษณาบน Broadband หรือ Internet ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และมีมูลค่ามหาศาล ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความสนใจในธุรกิจบนอินเตอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง การสร้างรายได้บนอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันนั้นมีหลายรูปแบบ มีทั้งแบบที่เป็นไปได้จริง แบบเป็นไปได้ยาก และแบบเป็นไปไม่ได้เลยหรือพวกหลอกลวงนั่นเอง ซึ่งทำให้เราต้องทำความเข้าใจและตรวจสอบให้แน่ใจก่อนเริ่มเข้าสู่ธุรกิจการสร้างรายได้บนอินเตอร์เน็ต.

“Do you want to learn the power that the
internet can have in your business
to bring you more new customers than
you ever imagined?”

Business’ are realizing that they need to change the way they are marketing themselves.
YOU
, should stand up and take advantage of this opportunity to take your marketing to the next level!
YOU
have a killer advantage over your competition!
YOU
can do things to market yourself that most of them doesn’t have a clue about!
Bill Gates Head ShotBill Gates once made a statement to the effect…

If your business is not on the Internet, then your business will be out of business.”

If One Of The Wealthiest Man In The World Said This, Then There Must Be Something To This Internet Thing

          ธุรกิจ การสร้างรายได้บนอินเตอร์เน็ตที่เราหรือผุ้สนใจทั่วไปสามารถมีส่วนร่วมได้ จริงๆนั้น เกือบทั้งหมดเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณา ไม่ว่าจะเป็น สินค้า บริการ หรือการโปรโมทเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งก็เกือบทั้งหมดอีกเช่นกันที่เราจำเป็นต้องทำผ่านผู้ให้บริการขายสินค้า ทางอินเตอร์เน็ต (Affiliate Program )หรือ ผู้ให้บริการโฆษณาบนอินเตอร์เน็ต (Advertiser or Advertising Agency) โดยที่เราต้องสมัครเข้าร่วมเป็นตัวแทน ซึ่งเราเราจำเป็นต้องมี เว็บไซด์ หรือ บล็อก เป็นของตัวเองเพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการโฆษณา และเราได้รับ commission จากการขายสินค้า หรือค่าโฆษณาเมื่อมีคนคลิกเข้ามาดูโฆษณา หรือ Pay Per Click นั่นเอง.

ข้อเท็จจริงของการสร้างรายได้บนอินเตอร์เน็ต

สำหรับผู้ที่มีความสนใจในการสร้างรายได้บนอินเตอร์เน็ท หรือผู้ที่ได้ทราบลักษณะธุรกิจบนอินเตอร์เน็ตมาจากโฆษณาต่าง ขอให้ทราบข้อเท็จจริงของรายได้ในธุรกิจรูปแบบนี้ ดังนี้
1. ธุรกิจการสร้างรายได้หรือทำเงินบนอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นไปได้จริงและ มีผู้ที่สามารถทำได้ สูงเป็นหลักแสน จริงๆ สามารถเข้าไปตรวจสอบดูได้ตามลิงค์
http://www.thaiseoboard.com/--->ของไทย
http://www.seoelite.com/--->ของต่างประเทศ


*** ติดต่ิอผู้เขียนblog/สมัครสมาชิก Global Rich Club โทร 087-4949-220หรือmitang41@gmail.com***

written September 23,2012  

 

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

เล่นกีฬา




วันหยุดสุดสัปดาห์ที่อากาศแสนสบายอย่างนี้  มาชวนเพื่อนๆไปออกกำลังกันดีกว่า   มี กีฬา ประเภทไหนบ้างล่ะที่คุณถนัด   กีฬาในร่มก็ดีนะ  เผื่อคุณฝนอยากมาเยี่ยมจะได้ไม่ต้องวิ่งหลบ   แต่กีฬากลางแจ้งก็ไม่เลวเช่นกัน   ก็แหมวันนี้อากาศช่างเย็นสบายดีเหลือเกิน   ขออย่างเดียว น้องฝนอย่ารีบมาหาแล้วกัน   กีฬากลางแจ้งที่ต้องเล่นเป็นทีมก็มี    ตะกร้อ  บาสเกตบอล  ฟุตบอล ฯลฯ  ถ้าแค่จับคู่ก็แบตมินตัน   เทนนิส  ปิงปอง ฯลฯ  แต่ถ้าไม่ชอบต้องคอยง้อเพื่อนล่ะ    ก็คงต้องเป็นว่ายน้ำ ไม่ก็กระโดดเชือกนะจ๊ะ    ภาวะที่เร่งรีบในแต่ละวันทำให้เราไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายนัก   วันหยุดที่อากาศดีๆอย่างนี้      มาออกกำลังกายเพื่อความฟิต-เฟิร์ม ก็เป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะ    ใครชอบกีฬาอะไร  หรือถนัดอย่างไหนก็เลือกตามใจที่ตัวเองชอบได้เลยนะ    พอได้เรียกเหงื่อแล้วก็คงกระปรี้กระเปร่าขึ้น    เดี๋ยวอาบน้ำอาบท่า ทานข้าว  แล้วก็ไปนั่งวางแผนงานสบายๆได้อีก     ก็โกลบอล ริช คลับ เป็นงานออนไลน์นี่จ๊ะ   สะดวก เวลาไหนก็ทำเวลานั้น   นี่แหละ Lifestylesของชาว โกลบอล ริช คลับ


*** ติดต่ิอผู้เขียนblog/สมัครสมาชิก Global Rich Club โทร 087-4949-220หรือmitang41@gmail.com***

written September 22,2012  

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

บรูไน ตอนที่ 2

(โรงแรมใช้สิทธิ์พักของโกลบอล ริช คลับ ในบรูไน)


Hotel Name:Orchid Garden Hotel
Address:Bandaseri Begawan
Hotel WebSite:http://www.orchidgardenbrunei.com
Rate():4


Hotel Name:Brunei Hotel
Address:Bandar Seri Begawan
Hotel WebSite:http://www.bruneihotel.com.bn
Rate():3


Hotel Name:River View Hotel
Address:Bandar Seri Begawan
Hotel WebSite:http://www.riverviewhotel-brunei.com/
Rate():4


Hotel Name:Palm Garden Hotel
Address:Bandar Seri Begawan
Hotel WebSite:http://www.palmgarden-hotel.com
Rate():3


Hotel Name:Jubilee Hotel
Address:Bandarseri Begawan
Hotel WebSite:http://www.jubileehotelbrunei.com
Rate():3

สำหรับโรงแรมที่สมาชิกโกลบอล ริช คลับ สามารถไปใช้สิทธิ์พัก3 คืน 4วัน นั้น  มีทั้งโรงแรมในระดับ
 

และให้ท่านได้เลือกตามอธยาศัย  และสะดวกต่อการเดินทาง เพราะทุกโรงแรมล้วนตั้งอยู่ใน บันดาร์เสรีเบกาวัน อันเป็นเมืองหลวงของประเทศ ซึ่งถือได้ว่าเป็นเมืองอย่างแท้จริงเพียงเมืองเดียว  ดังนั้นจึงขอนำข้อมูลเกี่ยวกับเมืองบันดาร์เสรีเบกาวัน มาเสนออย่างละเอียดหน่อยคือ

บันดาร์เสรีเบกาวัน (อังกฤษ: Bandar Seri Begawan) เป็นเมืองหลวงและเมืองท่าที่สำคัญของประเทศบรูไนอยู่ในเขตการปกครองบรูไน-เมารา มีประชากรประมาณ 60,000 คน เดิมชื่อว่า เมืองบรูไน ภายหลังเมื่อบรูไนพ้นจากการคุ้มครองของอังกฤษแล้ว จึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นบันดาร์เสรีเบกาวัน
ซึ่งเป็น เมืองเล็กๆแต่ทันสมัย  โดยขอนำข้อมูลประชากรในเขตอาเชี่ยนมาเปรียบเทียบให้ดูดังนี้ค่ะ

 มาดูเมืองหลวงของประเทศต่างๆในกลุ่มอาเซียนกันค่ะ

1.บันดาร์เสรีเบกาวาน ประเทศบรูไน ประชากรประมาณ 60,000 คน
2.กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ประชากร 5,702,595 คน
3.ดิลี ประเทศติมอร์ - เลสเต ประชากรประมาณ 150,000 คน
4.จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ประชากร 8,489,910 คน
5.กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ประชากร 1,479,388 คน
6.มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ประชากร 1,581,082 คน
7.เนปีดอว์ เมืองหลวงใหม่ของพม่า ประชากรประมาณ 925,000 คน
8.พนมเปญ ประเทศกัมพูชา ประชากร 2,000,000 คน
9.สิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์ ประชากรประมาณ 4,240,000 คน
10.เวียงจันทน์ ประเทศลาว ประชากรประมาณ 730,000 คน
11.ฮานอย ประเทศเวียดนาม ประชากรประมาณ 4,100,000 คน

ข้อมูลในปี พ.ศ.2552
Credit>>>>http://th.wikipedia.org

ปัจจุบันกรุงบันดาเสรีเบกาวันเป็นศูนย์กลางการเงินธุรกิจการค้า และการอุตสาหกรรมของประเทศ ทั้งยังเป็นสถานที่ผลิตน้ำมันปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติด้วย เมืองหลวงของบรูไนเป็นที่ตั้งสถานที่สำคัญของประเทศ เช่น พระราชวังหลวง ศูนย์ประวัติศาสตร์บรูไนพิพิธภัณฑ์บรูไน สุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกตะวันออกคือ มัสยิดโอมาร์ อาลี ไซฟัดดิน และ กัมปงเอเยอร์ หมู่บ้านดั้งเดิมของชาวบรูไนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำบรูไน

มัสยิดโอมาร์ อาลี ไซฟัดดิน
กรุงบันดาร์เสรีเบกาวันเป็นเมืองเดียวของบรูไนที่เรียกว่าเมืองได้อย่าง แท้จริง บันดาร์เสรีเบกาวันเป็นเมืองสวยสะอาด ถนนในเมืองกว้างขวางและมีตึกรามบ้านเรือนทันสมัย มีสุเหร่าขนาด ใหญ่อยู่กลางเมือง คือมัสยิดโอมาร์ อาลี ไซฟัดดิน ในบริเวณสุเหร่ามีสระขุดขนาดใหญ่ประดับสถานที่ให้ดูเด่นสง่างาม ภายในสุเหร่าปูพื้นด้วยหินอ่อนจากอิตาลี และปูพรมสั่งทอพิเศษผืนใหญ่มหึมา นับว่าเป็นศูนย์รวมชาวมุสลิมในบรูไนและเป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดของศาสนาอิสลามในบรูไน
นอกจากมัสยิดโอมาร์ อาลี ไชฟัดดินแล้ว กรุงบันดาร์เสรีเบกาวันยังเป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ที่ น่าสนใจหลายแห่งของบรูไน อาทิ พิพิธภัณฑ์บรูไน กับพิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีมาเลย์ ซึ่งแสดงสถาปัตยกรรมการก่อสร้างบ้านในแม่น้ำอย่างที่กัมปงเอเยอร์ นอกจากนี้ยังมีพระราชวังหลวงที่ใหญ่โตโอ่อ่าและสวยงามมากคือ พระราชวังหลวง อิสตานา นูรัล อีมาน ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมหลังจากเดือนรอมฎอน หรือหลังพิธีถือศีลอด
ส่วนแรกของชื่อ Bandar มาจากภาษาเปอร์เซีย بندر แปลว่า "ท่าเรือ" หรือ"ที่หลบภัย" ส่วนที่สองของชื่อคือ Seri Begawan มาจากคำว่า "ศรีภควาน" (Sri Bhagwan) ในภาษาสันสกฤตหมายถึง ผู้ศักดิ์สิทธิ์



*** ติดต่ิอผู้เขียนblog/สมัครสมาชิก Global Rich Club โทร 087-4949-220หรือmitang41@gmail.com***

written September 21,2012  

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

ปอกเปลือกธุรกิจข้ามชาติGRC



สวัสดีค่ะ

ยินดีต้อนรับสู่การสร้างรายได้จากธุรกิจออนไลน์   ที่เพิ่งเข้ามาในประเทศไทยได้เกือบ 2 ขวบปี    ยังเป็นละอ่อนแท้ๆ  แต่ก็ดังเปรียงปร้างยังกะแตกเนื้อสาว  ด้วยความโดดเด่นของวิธีทำงานและแผนการตลาด  ทีไม่เหมือนใคร  ทำให้สมาชิกโกลบอล ริช คลับ พากันทะยอยเป็นเศรษฐีเงินล้านภายในเวลาไม่ถึงปีกันมากมาย   จนเป็นที่จับตามองจากธุรกิจเครือข่ายอื่นๆ   อยากทราบว่าธุรกิจนี้ทำเกี่ยวกับอะไรและมีแผนการตลาดอย่างไร  จึงสามารถสร้างเศรษฐีเงินล้านได้ในเวลาอันรวดเร็วอย่างนี้    เข้ามาหาคำตอบได้เลยค่ะ

โกลบอล ริช คลับ คืออะไร?  ตั้งอยู่ที่ไหน

โกลบอล ริช คลับทำธรุิกิจเกี่ยวกับอะไร

แผนการตลาดเป็นอย่างไรสมาชิกจึงสร้างเงินล้านได้เร็ว 

คำถาม?ถามบ่อยเกี่วกับโกลบอล ริช คลับ

ติดต่อนักธุรกิจโกลบอลริช คลับ 

ดูข้อมูลที่เกี่ยวข้อง



สมาชิกอาเชียน กับโรงแรมใช้สิทธิ์GRC


ประเทศอาเซียน





 ในสภาวะแห่งยุคทุนนิยม ที่เศรษฐกิจเป็นตัวขับเคลื่อนและผลักดันให้ประเทศต่าง ๆ ก้าวรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ประกอบกับประเทศต่าง ๆ นั้นอยู่รวมกันเป็นสังคมโลก ไม่สามารถอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายได้ จึงต้องมีการรวมตัวกันของประเทศในแต่ละภูมิภาคเพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรอง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ร่วมและพัฒนาประเทศในภูมิภาคไปพร้อม ๆ กัน ด้วยเหตุนี้ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ อาเซียน จึงได้มีข้อตกลงให้อาเซียนรวมตัวเป็นชุมชนหรือประชาคมเดียวกันให้สำเร็จภาย ในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015)

          แต่ ก่อนที่เราจะมาดูเนื้อหาสาระของการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนนี้ เราจะมาย้อนดูกันรวมตัวกันของประเทศในอาเซียนว่ามีการรวมตัวกันได้อย่างไร จนมาเป็นอาเซียนในปัจจุบัน

          โดยอาเซียนหรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  (ASEAN : The Association of South East Asian Nations) ได้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2510 โดยประเทศผู้ก่อตั้งอาเซียน คือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ต่อมาในปีพ.ศ.2527 บรูไน ดารุสซาลาม ได้เข้ามาเป็นสมาชิก ตามด้วยเวียดนามเข้ามาเป็นสมาชิกเมื่อ พ.ศ. 2538  ขณะที่พม่าและลาวเข้ามาเป็นสมาชิกใน พ.ศ.2540 และประเทศสุดท้ายคือกัมพูชา เข้าเป็นสมาชิกอาเซียน เมื่อ พ.ศ. 2542  ปัจจุบันอาเซียนมีประเทศสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ

  รู้จัก 10 ประเทศอาเซียน




บรูไน


1.บรูไนดารุสซาลาม (Brunei Darussalam)

          ประเทศบรูไน มีชื่อเป็นทางการว่า "เนการาบรูไนดารุสซาลาม" มีเมือง "บันดาร์เสรีเบกาวัน" เป็น เมืองหลวง ถือเป็นประเทศที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก เพราะมีพื้นที่ประมาณ 5,765 ตารางกิโลเมตร ปกครองด้วยระบบสมบูรณาญาสิทธิราช โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีประชากร 381,371 คน (ข้อมูลปี พ.ศ.2550) โดยประชากรเกือบ 70% นับถือศาสนาอิสลาม และใช้ภาษามาเลย์เป็นภาษาราชการ

          อ่านข้อมูลของประเทศบรูไนได้ที่นี่


กัมพูชา


2.ราชอาณาจักรกัมพูชา (Kingdom of Cambodia)

          เมืองหลวงคือ กรุงพนมเปญ เป็นประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศไทยทางทิศเหนือ และทิศตะวันตก มีพื้นที่ 181,035 ตารางกิโลเมตร หรือขนาดประมาณ 1 ใน 3 ของประเทศไทย มีประชากร 14 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2550) โดยประชากรกว่า 80% อาศัยอยู่ในชนบท 95% นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ใช้ภาษาเขมรเป็นภาษาราชการ แต่ก็มีหลายคนที่พูดภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และเวียดนามได้

          อ่านข้อมูลประเทศกัมพูชา ได้ที่นี่


อินโดนีเซีย


3.สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Republic of Indonesia)

          เมืองหลวงคือ จาการ์ตา ถือเป็นประเทศหมู่เกาะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่ 1,919,440 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรมากถึง 240 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) โดย 61% อาศัยอยู่บนเกาะชวา ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และใช้ภาษา Bahasa Indonesia เป็นภาษาราชการ

          อ่านข้อมูลประเทศอินโดนีเซีย ได้ที่นี่


ลาว


4.สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) (The Lao People's Democratic Republic of Lao PDR)

          เมืองหลวงคือ เวียงจันทน์ ติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันตก โดยประเทศลาวมีพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศไทย คือ 236,800 ตารางกิโลเมตร พื้นที่กว่า 90% เป็นภูเขาและที่ราบสูง และไม่มีพื้นที่ส่วนใดติดทะเล ปัจจุบัน ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม โดยมีประชากร 6.4 ล้านคน ใช้ภาษาลาวเป็นภาษาหลัก แต่ก็มีคนที่พูดภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศสได้ ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ

          อ่านข้อมูลประเทศลาว ได้ที่นี่


มาเลเซีย


5.ประเทศมาเลเซีย (Malaysia)

          เมืองหลวงคือ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตศูนย์สูตร แบ่งเป็นมาเลเซียตะวันตกบคาบสมุทรมลายู และมาเลเซียตะวันออก ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ทั้งประเทศมีพื้นที่ 329,758 ตารางกิโลเมตร จำนวนประชากร 26.24 ล้านคน นับถือศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ ใช้ภาษา Bahasa Melayu เป็นภาษาราชการ

          อ่านข้อมูลประเทศมาเลเซีย ได้ที่นี่

ฟิลิปปินส์


6.สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Republic of the Philippines)

          เมืองหลวงคือ กรุงมะนิลา ประกอบด้วยเกาะขนาดต่าง ๆ รวม 7,107 เกาะ โดยมีพื้นที่ดิน 298.170 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 92 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ และเป็นประเทศที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเป็นอันดับ 4 ของโลก มีการใช้ภาษาในประเทศมากถึง 170 ภาษา แต่ใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาตากาลอก เป็นภาษาราชการ

          อ่านข้อมูลประเทศฟิลิปปินส์ ได้ที่นี่


สิงคโปร์


7.สาธารณรัฐสิงคโปร์ (The Republic of Singapore)

          เมืองหลวงคือ กรุงสิงคโปร์ ตั้งอยู่บนตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางคมนาคมทางเรือของอาเซียน จึงเป็นประเทศที่มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจมากที่สุดในย่านนี้ แม้จะมีพื้นที่ราว 699 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น มีประชากร 4.48 ล้านคน ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ แต่มีภาษามาเลย์เป็นภาษาประจำชาติ ปัจจุบันใช้การปกครองแบบสาธารณรัฐ (ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีสภาเดียว)

          อ่านข้อมูลประเทศสิงคโปร์ ได้ที่นี่


ประเทศไทย


8.ราชอาณาจักรไทย (Kingdom of Thailand)

          เมืองหลวงคือกรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ 513,115.02 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 77 จังหวัด มีประชากร 65.4 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และใช้ภาษาไทยเป็นภาษาราชการ ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์ประมุขของประเทศ

          อ่านข้อมูลประเทศไทย ได้ที่นี่


เวียดนาม

9.สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (The Socialist Republic of Vietnam)

          เมืองหลวงคือ กรุงฮานอย มีพื้นที่ 331,689 ตารางกิโลเมตร จากการสำรวจถึงเมื่อปี พ.ศ.2553 มีประชากรประมาณ 88 ล้านคน ประมาณ 25% อาศัยอยู่ในเขตเมือง ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 นับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน ที่เหลือนับถือศาสนาคริสต์ ปัจจุบัน ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์

          อ่านข้อมูลประเทศเวียดนาม ได้ที่นี่


ประเทศพม่า


10.สหภาพพม่า (Union of Myanmar)

          มีเมืองหลวงคือ เนปิดอว ติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันออก โดยทั้งประเทศมีพื้นที่ประมาณ 678,500 ตารางกิโลเมตร ประชากร 48 ล้านคน กว่า 90% นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท หรือหินยาน และใช้ภาษาพม่าเป็นภาษาราชกา

          อ่านข้อมูลประเทศพม่า ได้ที่นี่



ประเทศอาเซียน

สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

(Association of Southeast Asian Nations)

คำขวัญ
"One Vision, One Identity, One Community"
(หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งเอกลักษณ์ หนึ่งประชาคม)

สัญลักษณ์อาเซียน
“รวงข้าว 10 ต้นมัดรวมกันไว้”
 

หมายถึง ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้ง 10 ประเทศรวมกันเพื่อมิตรภาพและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยสีที่ปรากฏในสัญลักษณ์ของอาเซียน เป็นสีที่สำคัญของธงชาติของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน


          ตลอดระยะเวลา 44 ปีที่ผ่านมา อาเซียนได้เกิดความร่วมมือ รวมทั้งมีการวางกรอบความร่วมมือ เพื่อสร้างความเข็มแข็ง รวมถึงความมั่นคงของประเทศสมาชิกทั้งด้านความมั่นคงเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม และในปี พ.ศ. 2558 อาเซียนได้วางแนวทางก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์ ภายใต้คำขวัญคือ  "หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งเอกลักษณ์ หนึ่งประชาคม" (One Vision, One Identity, One Community) โดยมุ่งเน้นไปที่ 3 ประชาคม คือ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน(ASEAN Political Security Community : APSC)  ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community : ASCC)

          โดยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2552 ผู้นำอาเซียนได้ลงนามรับรองปฏิญญาชะอำ หัวหิน ว่าด้วยแผนงานจัดตั้งประชาคมอาเซียน (ค.ศ. 2009-2015) เพื่อจัดตั้งประชาคมอาเซียนภายในปี 2558 ซึ่งประชาคมอาเซียนประกอบด้วยเสาหลัก 3 เสา ดังต่อไปนี้

          1.ประชาคม การเมืองและความมั่นคงอาเซียน  (ASEAN Security Community – ASC) มุ่งให้ประเทศในภูมิภาคอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีระบบแก้ไขความขัดแย้ง ระหว่างกันได้ด้วยดี มีเสถียรภาพอย่างรอบด้าน มีกรอบความร่วมมือเพื่อรับมือกับภัยคุกคามความมั่นคงทั้งรูปแบบเดิมและรูป แบบใหม่ ๆ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยและมั่นคง

          2.ประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community – AEC) มุ่งให้เกิดการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจ และการอำนวยความสะดวกในการติดต่อค้าขายระหว่างกัน อันจะทำให้ภูมิภาคมีความเจริญมั่งคั่ง และสามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่น ๆ ได้เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนในประเทศอาเซียน โดย

               มุ่งให้เกิดการไหลเวียนอย่างเสรีของ สินค้า บริการ การลงทุน เงินทุน การพัฒนาทางเศรษฐกิจ และการลดปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางสังคมภายในปี 2020

               ทําให้อาเซียนเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว (single market and production base)

                 ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกใหม่ของอาเซียนเพื่อลดช่องว่างการพัฒนาและ ช่วยให้ประเทศเหล่านี้เข้าร่วมกระบวนการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียน

               ส่งเสริมความร่วมมือในนโยบายการเงินและเศรษฐกิจมหภาคตลาดการเงินและตลาดทุน การปะกันภัยและภาษีอากร การพัฒนาโครงสร้างพิ้นฐานและการคมนาคม พัฒนาความร่วมมือด้านกฎหมาย การเกษตร พลังงาน การท่องเที่ยว การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยการยกระดับการศึกษาและการพัฒนาฝีมือแรงงาน
   
          กลุ่มสินค้าและบริการนำร่องที่สำคัญ ที่จะเกิดการรวมกลุ่มกัน คือ สินค้าเกษตร / สินค้าประมง / ผลิตภัณฑ์ไม้ / ผลิตภัณฑ์ยาง / สิ่งทอ / ยานยนต์ /อิเล็กทรอนิกส์ / เทคโนโลยีสารสนเทศ (e-ASEAN) / การบริการด้านสุขภาพ, ท่องเที่ยวและการขนส่งทางอากาศ (การบิน) กำหนดให้ปี พ.ศ. 2558 เป็นปีที่เริ่มรวมตัวกันอย่างเป็นทางการ โดยผ่อนปรนให้กับประเทศ ลาว กัมพูชา พม่า และเวียตนาม สำหรับประเทศไทยได้รับมอบหมายให้ทำ Roadmap ทางด้านท่องเที่ยวและการขนส่งทางอากาศ (การบิน)


ความร่วมมือ


          3.ประชาคม สังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community – ASCC) เพื่อให้ประชาชนแต่ละประเทศอาเซียนอยู่ร่วมกันภายใต้แนวคิดสังคมที่เอื้อ อาทร มีสวัสดิการทางสังคมที่ดี และมีความมั่นคงทางสังคม

          สำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนนั้น ประเทศไทยในฐานะที่เป็นผู้นำในการก่อตั้งสมาคมอาเซียน มีศักยภาพในการเป็นแกนนำในการสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็ง จึงได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นประชาอาเซียน โดยจะมุ่งเน้นเรื่องการศึกษา ซึ่งจัดอยู่ในประชาคมสังคมและวัฒนธรรม ที่จะมีบทบาทสำคัญที่จะส่งเสริมให้ประชาคมด้านอื่น ๆ ให้มีความเข้มแข็ง เนื่องจากการศึกษาเป็นรากฐานของการพัฒนาในทุก ๆ ด้าน และจะมีการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านอาเซียนศึกษา เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านศาสนาและวัฒนธรรม เพื่อขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนด้วยการศึกษา ด้วยการสร้างความเข้าใจในเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศอาเซียน ความแตกต่างทางด้านชาติพันธุ์ หลักสิทธิมนุษยชน ตลอดจนการส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศเพื่อพัฒนาการติดต่อสื่อสาร ระหว่างกันในประชาคมอาเซียน
       
       ที่ผู้เขียนหยิบยกเรื่องราวของASEAN มานำเสนอนั้น ก็เนื่องมาจากเหตผลอีกประการหนึ่งคือ  ในบรรดาสมาชิกASEAN ทั้ง 10 ประเทศนี้   สมาชิก Global Rich Club สามารถใช้สิทธิ์จองห้องพักได้ถึง 9 ประเทศ  ยกเว้น กัมพูชา เพียงประเทศเดียว นับว่Global Rich Club เอง ก็มีแนวความติดสอดคล้องกับASEAN ว่า  กลุ่มประเทศเหล่านี้ในภูมิภาคเอเซียกำลังรวมตัวกัน  เพื่อพัฒนส่งเสริมความร่วมมือและความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และการบริหาร   จึงเป็นเวลาที่เหมาะที่ Global Rich Club จะเข้าไปขยายการตลาดในภูมิภาคนี้  


*** ติดต่ิอผู้เขียนblog/สมัครสมาชิก Global Rich Club โทร 087-4949-220หรือmitang41@gmail.com***

written September 16,2012